วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Banking News Daily Update สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน 9 Feb 2017

ภาพรวม
ที่ประชุมกนง. มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยเห็นว่า นโยบายการเงินยังควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่อง ขณะที่ กนง. พร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อให้ภาวะการเงินโดยรวมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ ทั้งนี้ กนง.มองว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน และภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้น และภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ขณะที่ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ปัญหาเสถียรภาพการเงินจีน และพัฒนาการทางการเมือง และปัญหาภาคการเงินในยุโรป
ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (TDRI) ประเมินนโยบาย “America First” จะกระทบกับเศรษฐกิจทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศมหาอำนาจและเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ในส่วนของไทยอาจจะไม่กระทบมากนัก เพราะไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่น้อย มีดุลการค้าที่เกินดุลกับสหรัฐฯ เพียงปีละ 12,000 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งยังไม่ถึงเกณฑ์และเงื่อนไขการตอบโต้ทางการค้าที่กำหนดไว้ที่ 20,000 ล้านดอลลาร์ฯ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยยังสามารถขยายการส่งออกโดยตรงกับตลาดสหรัฐฯ ได้ อีกทั้งไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมายที่สหรัฐฯ จะทำสงครามการค้าด้วย ขณะที่ประเทศที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง คือ มาเลเซีย เวียดนาม และจีน ที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากถึง 20% รวมถึงกลุ่มประเทศเล็ก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากตลาดการเงินของโลกที่จะมีผันผวนมากขึ้นจากการประกาศนโยบายใหม่ ๆ อย่างไรก็ดี ไทยควรจับตามาตรการกีดกันทางการค้าด้านภาษีชายแดนที่สหรัฐฯ จะนำมาใช้ภายในปีนี้และปีหน้า เพราะจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ต้นทุนสูงขึ้น และทำให้การค้าโลกหดตัวลง
รัฐบาลวางแผนลงทุนโครงการสำคัญ 15 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปี ตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) ซึ่งในจำนวนนี้มี 5 โครงการที่จะนำร่องก่อนเพื่อเป็นการวางรากฐานเรื่องของโลจิสติกส์ ระบบขนส่ง และการต่อเชื่อมสนามบินต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามา โดยคาดหวังว่า การพัฒนาโครงการดังกล่าว จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้ในระดับ 5% ได้อีกครั้ง นอกจากนี้ EEC จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยได้ราว 4 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยทำให้สัดส่วนของต้นทุนโลจิสติกส์ลดลงเหลือ 12% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% ของจีดีพี รวมทั้งคาดหวังว่า จะก่อให้เกิดการจ้างงานถึง 1 แสนคนต่อปี ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ

เศรษฐกิจโลก
รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ เผยสถานทูตสหรัฐฯ อาจจะสอบถามพาสเวิร์ดหรือรหัสผ่านบัญชีเว็บไซต์เครือข่ายสังคม หรือโซเชียลมีเดียของผู้ยื่นคำร้องเพื่อขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตรวจสอบคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศในอนาคต เพื่อป้องกันผู้ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง แต่ยังเป็นมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 7 ชาติมุสลิมซึ่งมีระบบคัดกรองอยู่ในระดับอ่อนแอ ประกอบไปด้วยอิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมน
ธนาคารกลางอินเดียประกาศเพิ่มวงเงินในการถอนเงินจากบัญชีธนาคารตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. และจะยกเลิกการจำกัดการถอนเงินโดยสิ้นเชิงตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. นี้ โดยเพิ่มวงเงินในการถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์สู่ระดับ 50,000 รูปี (744 ดอลลาร์ฯ) จากระดับ 24,000 รูปี (357 ดอลลาร์ฯ) ก่อนจะยกเลิกข้อจำกัดวงเงินการถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์ ทั้งนี้ การจำกัดวงเงินในการถอนเงินฝากธนาคารเริ่มใช้เมื่อเดือนพ.ย. 2559 หลังจากที่อินเดียประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรเก่าแบบ 500 และ 1,000 รูปี เพื่อกวาดล้างเม็ดเงินนอกระบบ โดยธนบัตรดังกล่าวมีสัดส่วนการใช้ในระบบการเงินราว 85%
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ในช่วงเช้าวันนี้ พร้อมระบุว่า อัตราดอกเบี้ยอาจยืนที่ระดับดังกล่าวไปอีก 2 ปี หรือมากกว่านั้น นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ยังเตือนว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ นับเป็นความเสี่ยงที่มากที่สุด

Banking Business
ธนาคารกสิกรไทย เปิดสาขาที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา อย่างเป็นทางการ โดยในช่วงแรกจะมุ่งเน้นเป็นช่องทางอำนวยความสะดวกต่อนักธุรกิจไทยด้านการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในธุรกิจเทรดดิ้ง ธุรกิจบริการ โครงสร้างพื้นฐานและโรงงานผลิต รวมทั้งการให้คำปรึกษาทางธุรกิจแก่นักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในกัมพูชา 1,500 ล้านบาทภายในปี 2560 และคาดว่า จะเปิดให้บริการทางการเงินแก่ธุรกิจท้องถิ่นและลูกค้ารายย่อยได้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า
ธนาคารไทยพาณิชย์ออกแคมเปญ "SCB พร้อมเพย์ แท็กซี่เดลิเวอรี่พร้อมรับ" โดยร่วมกับ 4 พันธมิตรเครือข่ายแท็กชี่และเดลิเวอรี่เซอร์วิส ได้แก่ แกร็บแท็กซี่ (Grab), ออลไทย แท็กซี่ (All Thai Taxi), สกู๊ตตาร์ (Skootar) และอีทเรนเจอร์ (Eat Ranger) ร่วมสร้างเครือข่ายการใช้งานพร้อมเพย์ โดยผู้ใช้บริการรถแท็กซี่และเดลิเวอรี่เซอร์วิส สามารถชำระค่าโดยสารหรือค่าบริการผ่าน SCB พร้อมเพย์ แทนเงินสดบนแอพพลิเคชั่น SCB Easy ได้ ซึ่งช่วงเปิดบริการดังกล่าว มีเครือข่ายแท็กซี่และเดลิเวอรี่เซอร์วิสเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,000 คัน และคาดว่า จะมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 คัน ภายในปีนี้
กระทรวงการคลังเสนอให้กรมบัญชีกลางหารือกับธนาคารกรุงไทย เพื่อออกบัตรชิปการ์ดให้แก่ข้าราชการและครอบครัว ราว5 ล้านราย สำหรับนำไปรูดชำระค่ารักษาพยาบาล โดยเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยป้องกันการรั่วไหลของงบประมาณที่ใช้ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลข้าราชการได้ในระหว่างที่รอผลการศึกษาเรื่องการดึงบริษัทประกันเอกชนเข้ามาเหมาค่ารักษาพยาบาลข้าราชการแบบรายปี

Retail Business
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “เงินติดล้อ” และ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยผลประกอบการปี 2559 โดยบริษัทมียอดสินเชื่อคงค้าง รวมทั้งสิ้น 21,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่ ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ (New volume) มากกว่า 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% มีฐานลูกหนี้ทั้งสิ้น 270,000 ราย เพิ่มขึ้น 26% ขณะที่ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) มีสัดส่วนต่ำที่ 1.38% สำหรับแผนดำเนินธุรกิจปี 2560 คาดว่า ยอดสินเชื่อคงค้างจะเติบโตมากกว่า 20% และขยายสาขาในครึ่งปีแรกไม่น้อยกว่า 50 แห่ง

สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และจ.ประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วยโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินให้แก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ปี 2559/2560 ที่ได้รับความเสียหาย 2 แสนราย โดยให้สินเชื่อแก่เกษตรกรรายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 3 ปี โดยใน 6 เดือนแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 0% หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ วงเงินสินเชื่อรวม 1 หมื่นล้านบาท

Securities Business
กระทรวงการคลัง คาดว่า จะสามารถเปิดขายกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ได้ในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ซึ่งจะระดมทุนรอบแรกประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท หลังจากที่ ครม. ได้มีมติให้กระทรวงการคลังจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน ทั้งภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ รวมถึงประชาชนทั่วไป ส่วนในเรื่องของผลตอบแทนนั้น ยังไม่ได้ระบุ แต่เบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณ 7.0-8.0% ต่อปี
ก.ล.ต. แจ้งว่า บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2562 ซึ่งจะให้ดอกเบี้ยกับผู้ลงทุนในอัตรา 6% (เพิ่มขึ้น 75 สตางค์ เมื่อเปรียบเทียบกับการเสนอขายเมื่องวดปี 2559 ที่หุ้นกู้อายุ 2 ปี วงเงิน 1,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 5.25%) โดยจะเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ (II&HNW) ซึ่งหุ้นกู้ของ CHOW เป็นหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

Asset Management Business
บลจ.กรุงไทย เสนอขายกองทุนเปิดเอฟไอเอฟ 130 (KTFF130) ตั้งแต่วันนี้-14 ก.พ. 2560 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุโครงการ 6 เดือน คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 1.55% ต่อปี ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน พร้อมกันนี้ บริษัทยังเตรียมจ่ายปันผลสำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KTLF) ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 ก.พ. 2560
บลจ.ไทยพาณิชย์ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 9 กองทุน ในวันที่ 23 กพ.นี้ รวมมูลค่า 2,589.19 ล้านบาท ประกอบด้วย กองทุนรวม CPNCG อัตรา 0.2331 บาทต่อหน่วย กองทุนรวม POPF อัตรา 0.2795 บาทต่อหน่วย กองทุนรวม SIRIP อัตรา 0.1450 บาทต่อหน่วย กองทุนรวม CPNRF อัตรา 0.2930 บาทต่อหน่วย กองทุนรวม CRYSTAL อัตรา 0.1930 บาทต่อหน่วย กองทุนรวม TGROWTH อัตรา 0.1950 บาทต่อหน่วย กองทุนรวม PPF อัตรา 0.1945 บาทต่อหน่วย กองทุนรวม ERWPF อัตรา 0.1480 บาทต่อหน่วย และกองทุนรวม DIF 0.2400 บาทต่อหน่วย

Insurance Business
บริษัท ทิพยประกันชีวิต เปิดเผยว่า ปี 2560 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวม 7,200 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีเบี้ยรับรวมประมาณ 5,980 ล้านบาท โดยจะมาจากการขายประกันสะสมทรัพย์และความคุ้มครองผ่านช่องทางตัวแทน 2,000 ล้านบาท และมาจากช่องทางธนาคารออมสิน 1,000 ล้านบาท รวมเป็น 3,000 ล้านบาท มีสัดส่วนเกือบ 30% ส่วนที่เหลืออีก 70% จะเป็นประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยและประกันชีวิตกลุ่ม ทั้งนี้ ในปี 2560 จะเป็นปีแรกที่บริษัทจะมีการขายประกันสะสมทรัพย์ผ่านธนาคารออมสินจากที่ผ่านมาจะขายประกันสินเชื่อเพียงอย่างเดียว เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองเบี้ยประกันสูงขึ้น ทางธนาคารจึงเปิดทางให้บริษัททิพยประกันชีวิตเข้าไปเสนอแบบประกันสะสมทรัพย์บางประเภทที่ไม่ซ้ำซ้อนกับแบบประกันของธนาคาร

Start-Up / Fintech
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จับมือกับสถาบันการเงินและหน่วยงานพันธมิตร เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ และดิจิทัลคอนเทนต์หรือ สตาร์ตอัพ ให้เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น รวมถึงเป็นพี่เลี้ยงดูแลการทำธุรกิจ โดยแนวทางส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1) การผลักดันให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอ 2) การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยจะมีทีมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจดแจ้งลิขสิทธิ์เพื่อป้องกันการถูกละเมิด และ 3) การสนับสนุนผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นความร่วมมือกับทางสถาบันการเงินพันธมิตร ลดความยุ่งยากสำหรับการกู้เงิน โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน
ซัมซุงเลือกไทยเป็นตลาดที่ 10 เปิดให้บริการ "ซัมซุงเพย์" ระบบชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อสอดรับกับเป้าหมายการก้าวสู่สังคมไร้เงินสดของประเทศไทย ทั้งนี้ จุดเด่นของ “ซัมซุง เพย์" คือ ใช้งานง่ายแต่มีระบบความปลอดภัยสูง เนื่องจากซัมซุงเพย์รองรับการใช้งานเครื่องรูดบัตรอีดีซีเดิม โดยใช้การส่งข้อมูลผ่านเอ็นเอฟซี และเอ็มเอสที ที่มีอยู่บนเครื่องรูดบัตรอีดีซีทั่วไปอยู่แล้ว ผนวกกับระบบยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือที่ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยกรณีที่โทรศัพท์ถูกขโมย หรือมีความพยายามจะเจาะระบบ ระบบดังกล่าวก็จะทำลายตัวเอง โดยหลังเปิดตัวในตลาดเกาหลีใน 1 ปี มีปริมาณการทำธุรกรรมผ่านซัมซุงเพย์แล้ว 2.1 ล้านล้านวอน หรือราว 2 พันล้านดอลลาร์ฯ และรวมทั่วโลก 100 ล้านธุรกรรม โดยหลักๆ มาจากตลาดใหญ่ในสหรัฐฯ และ เกาหลีใต้

อื่นๆ
บีโอไอ เปิดเผยว่า มีการหารือถึงการผลักดันประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายและเห็นชอบให้บีโอไอออกมาตรการพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี ได้แก่การส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมายที่ประเทศไทยมีศักยภาพ โดยจะยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10 ปีและขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการได้อีก 1-3 ปี รวมแล้วสูงสุดไม่เกิน 13 ปี การยกเว้นอากรนำเข้าเพื่อนำมาใช้ในการวิจัยและพัฒนา สำหรับกิจการผลิตทั่วไป ถ้าลงทุนเพิ่มด้านพัฒนาเทคโนโลยีหรือพัฒนาบุคลากรจะให้เพิ่มค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพื่อนำมารวมเป็นมูลค่าภาษีที่ได้ยกเว้นจากเดิม 100% เป็น 200% และหากเป็นค่าใช้จ่ายด้าน การวิจัยพัฒนาให้เพิ่มเป็น 300%
รมว.เกษตรและสหกรณ์เตรียมหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อเดินหน้าวางแผนการทำตลาดข้าว หลังสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 ก.พ. 2560 พบว่า มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังลุ่มเจ้าพระยา และลุ่มแม่กลองแล้ว 6.57 ล้านไร่ สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 4 ล้านไร่ ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศมี 8 ล้านไร่ จากเป้าหมายที่วางไว้ 6.93 ล้านไร่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผลผลิตข้าวปี 60/61 ที่จะถึงน่าจะมีผลผลิตใกล้เคียงปีก่อนที่ผลผลิตออกมามาก จนทำให้ชาวนาต้องออกมาขายข้าวเองเพราะราคาตกต่ำ ดังนั้น ในปีนี้จะพยายามควบคุมปริมาณปลูกข้าวให้เป็นไปตามแผน แต่ยอมรับว่าไม่มีมาตรการบังคับไม่ให้ชาวนาปลูก
เลขาธิการ กสทช. เผย กสทช. ให้ความเห็นชอบกรณีผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 6 ช่อง ยื่นขอขยายระยะเวลาการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ ตามคำสั่ง คสช. แล้ว ได้แก่ 1.ช่อง NEW TV หมายเลขช่อง 18 ของบริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด 2.ช่อง Nation หมายเลขช่อง 22 ของบริษัท เอ็นบีซี เน็กซ์วิชั่น จำกัด 3.ช่อง NOW หมายเลขช่อง 26 ของบริษัท แบงคอก บิสสิเนส บรอดแคสติ้ง จำกัด 4.ช่อง Bright TV หมายเลขช่อง 20 ของบริษัท ไบรท์ ทีวี จำกัด 5.ช่อง MCOT HD หมายเลขช่อง 30 และ 6.ช่อง MCOT Family หมายเลขช่อง 14 ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
กระทรวงสาธารณสุข จัดโครงการส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ หลังรายงานอัตราการเกิดของไทยอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง โดยในปี 2558 อัตราประชากรเกิดเพิ่มสุทธิอยู่ที่ 0.4 % และในอีก 10 ปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่จะลดลงมาที่ 0.0% ทั้งนี้ อัตราเจริญพันธุ์โดยเฉลี่ยพ่อแม่มีลูก 1.6 คน ขณะที่อัตราที่พอเพียงต้องอยู่ที่ 2.1 คน คือ ทดแทนพ่อแม่อย่างละ 1 คน และเผื่อการสูญเสียด้วย

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Banking News Daily Update สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน 8 Feb 2017

ภาพรวม
  • ที่ประชุม ครม. รับทราบการเบิกจ่ายในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 2559-ม.ค. 2560) รวม 1.105 ล้านล้านบาท คิดเป็น 40.46% ของงบประมาณรวม สูงกว่าเป้าหมาย 3.69% แยกเป็นการเบิกจ่ายงบประจำ 9.95 แสนล้านบาท หรือ 45.56% สูงกว่าเป้าหมาย 6.03% และรายจ่ายเพื่อการลงทุนไม่รวมงบกลางรวม 1.10 แสนล้านบาท หรือ 23.88% ของงบลงทุนรวม แม้จะยังต่ำกว่าเป้าหมาย แต่เป็นอัตราสูงสุดในรอบปี รวมทั้งมีการก่อหนี้ผูกพันไปแล้ว 2.57 แสนล้านบาท หรือ 55.33% ของงบลงทุนทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินคงคลังที่ลดลงเหลือ 7.4 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการลดลงตามวัฏจักรการบริหารเงินคงคลัง ที่ช่วงนี้จะต้องลดลงเนื่องจากรายได้ยังไม่เข้ามา โดยปกติช่วงต้นปีงบประมาณหรือเดือน ต.ค. เงินคงคลังจะสูงที่สุดของปี เพื่อเตรียมไว้ใช้จ่ายระหว่างปี หลังจากนั้นจะขึ้นและลงเป็นวัฏจักร ตามเงินภาษีที่เก็บได้และการเบิกจ่ายของรัฐบาล
  • ครม. เห็นชอบขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (Visa) ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทย และปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA on Arrival: VoA) เป็นการชั่วคราว สำหรับ 21 ประเทศ ออกไปอีก 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค.-31 ส.ค. 2560 จากที่มาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.พ. 2560 ซึ่งประเมินว่าจะขาดรายได้รวมเป็นเงินกว่า 7.5 พันล้านบาท  

เศรษฐกิจโลก
  • ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี มาที่ 2.99 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ในเดือน ม.ค. 2560 หลังเกิดกระแสเงินทุนไหลออก แต่ยังเป็นเงินสำรองเงินตราต่างประเทศสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ ธนาคารกลางของจีน (พีบีโอซี) ใช้จ่ายเงินสำรองเพื่อค้ำอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวน หลังมีการคาดการณ์ว่าจะอ่อนค่าลง ทำให้บริษัทต่างๆ และนักลงทุนรายย่อย เคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ ส่งผลให้จีนเพิ่มความเข้มงวดในโครงการลงทุนของต่างประเทศ พร้อมทั้งสั่งห้ามนักลงทุนเอกชนทำกิจกรรมบางอย่าง  
  • คณะกรรมการสุขภาพและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติจีน คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,420 ล้านคนภายในปี 2563 จาก ณ สิ้นปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 1,370 ล้านคน อัตราการการเพิ่มของประชากรตามธรรมชาติในแต่ละปีจะอยู่ที่ประมาณ 6 ต่อ 1,000 คน ก่อนหน้านี้ จีนบรรลุเป้าหมายวางแผนครอบครัวระยะ 5 ปีระหว่างปี 2554-2558 โดยสามารถคงอัตราการเติบโตของประชากรได้อยู่ที่ 5 ต่อ 1,000 คน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. ลดลง 3.2% สู่ระดับ 4.43 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่คาด เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 1.907 แสนล้านดอลลาร์ฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 2.350 แสนล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2558 ด้านบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯ มากกว่า 65% รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้  
  • ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะไม่ยกเลิกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าจะต่อสู้ทางกระบวนการทางกฎหมายจนถึงที่สุด เพื่อรักษาความปลอดภัยในประเทศ โดยรัฐบาลจะต่อสู้ต่อไป ถ้าหากศาลอุทธรณ์ตัดสินให้รัฐบาลแพ้คดีนี้  
  • กระทรวงงบประมาณฝรั่งเศส เผยตัวเลขขาดดุลงบประมาณปี 2559 ลดลงสู่ระดับ 6.9 หมื่นล้านยูโร (7.36 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ) ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของรัฐบาลที่ระดับ 7.23 หมื่นล้านยูโร เป็นผลจากการจำกัดรายจ่ายของรัฐบาล โดยงบรายจ่ายอยู่ที่ระดับ 3.762 แสนล้านยูโร ลดลง 0.5% จากปี 2558 ส่วนรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 3.04 แสนล้านยูโร จากการจัดเก็บภาษีที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับในปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าที่จะลดการขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่าระดับ 3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้  
  • อิหร่าน ระบุว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 ถือเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่ทำไวกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ ม.ค. 2559 โดยอิหร่านยินยอมที่จะลดโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการยุติมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ขณะที่สหรัฐฯ จะนำข้อตกลงนี้มาพิจารณาใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่ข้อตกลงทวิภาคี
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในปี 2559 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีที่ระดับ 1.8366 แสนล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 25.8% YoY เนื่องจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบและเงินเยนที่แข็งค่านั้น ได้ฉุดราคานำเข้าปรับตัวลดลง ส่วนในเดือนธ.ค.2559 เพียงเดือนเดียว ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งสิ้น 1.11 ล้านล้านเยน ทำสถิติเกินดุลติดต่อกัน 30 เดือน

Banking Business
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เม้นท์) ถือเป็นถนนก้าวสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่โลกยุค 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับบริการพร้อมเพย์ที่เปิดมาได้ 1 สัปดาห์นั้น โดยภาพรวมของระบบถือว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจจะมีปัญหาบ้างในบางจุด ซึ่งเกิดจากตัวบุคคลไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวระบบ ขณะที่ จำนวนคนใช้บริการพบว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ในวันที่ 1 มี.ค.ที่จะถึงนี้ จะขยายบริการพร้อมเพย์มายังภาคธุรกิจ คือ นิติบุคคลกับประชาชน โดยเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการโอนเงินเพราะความสามารถในการให้บริการพร้อมเพย์ยังมีเหลืออีกมาก
  • ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (ITMX) หวังหน่วยงานรัฐติดตั้งเครื่องอ่านบัตร (EDC) ตามนโยบายภาครัฐ จำนวน 500,000 เครื่อง ได้ทั่วประเทศภายในปีนี้ และภายในเดือน ก.ย. นี้ สำหรับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อผลักดันให้เกิดการชำระเงินผ่านบัตรเดบิต "พร้อมการ์ด" มากขึ้น เนื่องจากภาครัฐสามารถกำหนดทิศทางนโยบายการใช้งานได้ เช่น การเปิดให้ประชาชนชำระค่าบริการ ผ่านบัตรเท่านั้น เมื่อติดต่อกับราชการ โดยทางไอทีเอ็มเอ็กซ์ พร้อมออกบัตรเดบิตพร้อมการ์ดทันที หากภาครัฐติดตั้งเครื่อง EDC แล้วเสร็จตามแผน
  • ธนาคารกสิกรไทย คาดภาพรวมแนวโน้มปริมาณหุ้นกู้เอกชนในตลาดแรกปีนี้ อาจชะลอลงจากช่วงปีที่ผ่านมา ประมาณ 20-25% มาอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ 7.85 แสนล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากการลดลงของการออกตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) และตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Non-Rated) หลังกรณีการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ด้านหุ้นกู้เอกชนในปีนี้ คาดว่า ธนาคารยังคงรักษาสัดส่วนการออกหุ้นกู้ในตลาดที่ 18-19% คิดเป็นมูลค่าราว 1-1.2 แสนล้านบาท
  • ธนาคารพาณิชย์ปรับระบบวัดผลงานพนักงานขายประกัน หวังลดปัญหาข้อร้องเรียนประเด็นการยัดเยียดขายประกันให้ลูกค้า โดยธนาคารไทยพาณิชย์ เปลี่ยนแปลงการประเมินผลงานของพนักงาน (KPI) ใหม่ เป็นวัดจากคะแนนหรือผลงานจากการขายประกันของพนักงานเพียง 50% ขณะที่อีก 50% เป็นการวัดคะแนนจากความพึงพอใจของผู้ซื้อประกัน จากเดิมที่วัดจากยอดขายประกัน เกือบเต็ม 100% ด้านธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ธนาคารได้รับเรื่องร้องเรียนไม่มากนัก กรณีขายประกัน เนื่องจากธนาคารได้ปรับระบบ KPI ให้มี 2 ส่วน คือ 1) KPI ของสาขาในเชิงของเบี้ยประกันรับรวม และ 2) KPI ส่วนความพึงพอใจของลูกค้า ส่วนธนาคารทหารไทย ระบุว่า ได้วางแนวทางการปฏิบัติให้แก่พนักงานโดยต้องพิจารณาข้อมูลลูกค้าก่อนที่จะเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อลดการแนะนำการขายประกัน

Hire Purchase Business
  • บมจ. ฐิติกร เผยปี 2563 จะเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อที่มาจากต่างประเทศและในประเทศอยู่ที่ 50:50 จากปัจจุบันมีลูกหนี้เช่าซื้อจากต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ซึ่งปี 2560 บริษัทมีแผนจะขยายสาขาในกัมพูชาเพิ่มอีก 3 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 3 สาขา และเตรียมขยายสาขาเพิ่มในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในขณะเดียวกัน ยังได้มองโอกาสการลงทุนในอีกหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน คาดว่าพอร์ตสินเชื่อจากต่างประเทศในปีนี้มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 5%
  • ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง มุ่งขยายตลาดในภาคเหนือต่อเนื่องจากปีก่อนที่เดินหน้าขยายตลาดครบทุกภาคของประเทศ โดยจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 - 4 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขากระจายใน 8 จังหวัดของภาคเหนือ โดยปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ใหม่ (มอเตอร์ไซค์) ในภาคเหนือไว้ที่ 230 ล้านบาท หรือเฉลี่ย วงเงิน 50,000-55,000 บาท/คัน และคาดว่าการขยายตลาดในภาคเหนือจะดันให้บริษัทสามารถไต่ขึ้นอันดับ 1 ในธุรกิจสินเชื่อจักรยานยนต์ใหม่ในปีนี้

สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
  • คณะกรรมการ บสย. มีมติให้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยภาคใต้ในปี 2560 ด้วยการพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันเป็นเวลา 6 เดือน และขณะนี้ได้แจ้งมาตรการความช่วยเหลือดังกล่าวกับสถาบันการเงินพันธมิตรรับทราบแล้ว

Securities Business
  • ตลาดหลักทรัพย์ mai เตรียมลงพื้นที่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา สงขลา และอุบลราชธานี ตามโครงการค้นหาธุรกิจในภูมิภาคเพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai พร้อมจับมือกับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดทำแผนเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายใน 3 ปี

Asset Management Business
  • มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ระบุว่าช่วงเดือนม.ค. 2560 มีเงินไหลออกสุทธิในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ประมาณ 8,873.11 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 6 ปี เมื่อเทียบเดือน ม.ค.ของทุกปี นอกจากนี้ เงินไหลออก ยังสูงกว่าไตรมาส 1 ของ 3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2557-2559 ซึ่งอาจเป็นผลจากการตัดสินใจขายเพื่อล็อกผลกำไร หลังตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยอดเงินลงทุนกองทุน LTF ทั้งหมดที่มีสิทธิขายได้ในปี 2560 มีอยู่ประมาณ 2.14 แสนล้านบาท
  • บลจ.เอ็มเอฟซี เสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ยู เอส ทริกเกอร์ ซีรี่ส์ 1 (I-USS1) ตั้งแต่วันนี้ – 17 ก.พ. 2560 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศสหรัฐฯ  ตั้งเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 6% ภายใน 5 เดือน

Fintech
  • “มาสิ” หรือ “masii" เป็น Fintech ที่ให้บริการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและครอบคลุม ได้แก่ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยการเดินทาง แพ็กเกจมือถือ และบัตรโรงแรมต่างๆ โดยรวบรวมข้อเสนอจากสถาบันการเงินชั้นนำ อาทิ ธนชาต ไทยพาณิชย์ บัตรกรุงไทย ซีไอเอ็มบี และ ซิตี้แบงก์ รวมถึง บริษัทประกันภัยรถยนต์แถวหน้าของประเทศ กว่า 30 ราย ไว้ในเว็บเดียวกัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นกลาง
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอของธนาคารในการทำธุรกิจเวนเจอร์แคปิตอล ภายใต้ชื่อ บริษัทกรุงศรีฟินโนเวทฯ โดยมีนโยบายการดำเนินการไว้ใน 2 ด้าน 1.การสนับสนุนนักศึกษาที่มีศักยภาพ "กรุงศรี ยูนิ สตาร์ต อัพ Krungsri Uni Startup" เพื่อนำเสนอผลงานการพัฒนาแอปพลิเคชันทางการเงินและกลยุทธ์ทางการตลาด 2.การประสานความ ร่วมมือระหว่างกรุงศรีและธุรกิจฟินเทค "กรุงศรีไรส์ Krungsri Rise" ให้ความรู้สตาร์ตอัพผ่านแคมป์และนำธุรกิจฟินเทค ต่อยอดกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของธนาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
  • ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับ ธปท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เพื่อตั้งศูนย์ประสานงานกับธุรกิจฟินเทค เนื่องจากที่ผ่านมา ธุรกิจด้านฟินเทคจะมีปัญหาต้องติดต่อกับหลายหน่วยงาน ซึ่งทำให้เสียเวลา และยุ่งยาก จึงมีแผนจัดตั้งตัวกลางช่วยแก้ไขปัญหา และคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ใน 2-3 เดือนนี้

Insurance Business
  • ทิพยประกันชีวิต ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2560 อยู่ที่ระดับ 7,200 ล้านบาท หรือขยายตัว 20% จากปีก่อน แบ่งเป็นผ่านช่องทางตัวแทน 2,000 ล้านบาท และผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์อีกกว่า 5,000 กว่าล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังวางแผนที่จะเปิดการขายประกันผ่านแบงก์แอสชัวรันส์อย่างเต็มรูปแบบ และมีการขายผลิตภัณฑ์ผ่านเฟซบุ๊ค ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงาน ล่าสุด บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันประเภทออมทรัพย์ 6/10 มีเงินคืน เพื่อเสนอขายผ่านช่องทางธนาคารออมสิน ตั้งเป้าหมายเบี้ยรับจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว 1,000 ล้านบาท
  • บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ พัฒนาอี-เช็ค หรือเช็คอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจ่ายเงินผลประโยชน์ เงินปันผล และเงินครบกำหนดสัญญา วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท ให้กับลูกค้าโดยตรง คาดว่าใช้เวลาในการพัฒนา 3-4 เดือน จึงจะสามารถให้บริการได้
  • เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวประกันรูปแบบใหม่ ได้แก่ “เมืองไทย ยูแอล 1 สินเพิ่มทรัพย์ และ สินทวีคูณในโครงการ Beyond Savings" ซึ่งเป็นประกันชีวิตแบบ ชำระเบี้ยครั้งเดียว แต่ให้ความคุ้มครองชีวิตสูง 130% ของเบี้ยประกันชีวิต ตลอด 10 ปี ของสัญญากรมธรรม์  โดยมีจุดเด่นเปิดโอกาสให้ผู้เอาประกันได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ตามความเสี่ยงยอมรับได้จาก 2 ทางเลือก คือ การจัดสรรเงินลงทุน ในหุ้นไม่เกิน 10% สำหรับ "เมืองไทย ยูแอล 1 สินเพิ่มทรัพย์" และสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้สูงขึ้น จะจัดสรรเงินลงทุนหุ้นไม่เกิน 20% สำหรับ "เมืองไทย ยูแอล 1 สินทวีคูณ"

 อื่นๆ
  • อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก หรือ Local Economy ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีวงเงิน 20,000 ล้านบาท จะเริ่มปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ 1% ต่อปี ให้กับเอสเอ็มอีทั่วประเทศ นำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้ในช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อจังหวัดละ 200-300 ล้านบาท ให้กับเอสเอ็มอีที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วจากทางจังหวัด จำนวนประมาณ 3,000-4,000 ราย ซึ่งจะได้สินเชื่อสูงสุดรายละไม่เกิน 40 ล้านบาท

Banking News Daily Update สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน 7 Feb 2017



ภาพรวม
  • กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า นโยบายการค้าและเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบทางตรงต่อการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะสั้นมากนัก โดยยังคงประมาณการส่งออกไทยปีนี้ ขยายตัว 2.5-3.5% เนื่องจากไทยไม่ได้เป็นประเทศเป้าหมายที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าในลำดับต้นๆ รวมทั้งไทยยังมีโอกาสที่จะทดแทนการส่งออกของจีน และเม็กซิโก ในกรณีที่สหรัฐฯ ดำเนินมาตรการกีดกันการค้า โดยเฉพาะในสินค้าอุปโภคบริโภค ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องรับโทรทัศน์ และ เครื่องแต่งกาย อย่างไรก็ดี หากสหรัฐฯ มีการใช้มาตรการภาษีเป็นรายสินค้า และบังคับใช้เป็นการทั่วไป ก็อาจจะกระทบสินค้าออกของไทยที่มีการพึ่งพาและมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ สูง เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องจักรการพิมพ์ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ และกุ้งสดแช่แข็ง อย่างไรก็ดี เงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากทิศทางของดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น นั้น อาจจะไม่ช่วยกระตุ้นการส่งออกของไทยมากนัก เนื่องจากมีเงินสกุลอื่นที่อ่อนค่ามากกว่า
  • รมว. คลังแถลงข่าวชี้แจงเรื่องระดับเงินคงคลังของรัฐบาล ณ เดือน ธ.ค. 2559 ที่ 74,907 ล้านบาท ซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำว่า เป็นผลมาจากกระทรวงการคลังสามารถบริหารจัดการเงินคงคลังให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับการใช้จ่ายของรัฐบาล เพื่อลดต้นทุนทางการเงินของรัฐบาล โดยเงินคงคลังในระดับ 5 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาท น่าจะเป็นระดับที่เหมาะสมในการมีสภาพคล่องอยู่ในมือ ขณะที่ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีปัญหาในแง่ของสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากในงบประมาณปี 2560 ที่เป็นงบขาดดุล โดยตั้งกู้ไว้ 3.9 แสนล้านบาท ปัจจุบันมีการกู้ไปราว 1 แสนล้านบาท ยังเหลืออีกเกือบ 3 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลยังมี ช่องในการกู้มาใช้จ่าย บวกกับกระทรวงการคลังสามารถกู้เงินระยะสั้นในรูปตั๋วเงินคลังได้อีก 8 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้จ่ายได้
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาฯ เตรียมเสนอ ครม. ขยายมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมตรวจลงตรา (วีซ่า) ผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองให้กับนักท่องเที่ยวจาก 21 ประเทศ อาทิ จีน อินเดีย ต่อไปอีก 6 เดือนจากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 28 ก.พ. นี้

เศรษฐกิจโลก
  • ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีจะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) หรือขยายเวลาออกไป หากแนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงซบเซา ซึ่งเท่ากับเป็นการปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้อีซีบีปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง นอกจากนี้ ยังระบุว่า อีซีบีจะไม่คุมเข้มนโยบายเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเพียงชั่วคราว และมีสาเหตุจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของยูโรโซนเพิ่งเริ่มขึ้น แต่ตลาดแรงงานยังคงซบเซา ขณะที่การขยายตัวของประสิทธิภาพในการผลิตมีความอ่อนแอ และมีความเสี่ยงในช่วงขาลง ทำให้มีความจำเป็นที่อีซีบีจะต้องช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • สภาการเหมืองแร่ของออสเตรเลีย เรียกร้องให้รัฐบาลต่อต้านการกีดกันทางการค้า และสนับสนุนการค้าเสรีโดยเสนอให้รัฐบาลลดภาษี ควบคุมบรรดานักเคลื่อนไหว และปฏิรูปความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้รัฐบาลเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับอินเดียและอินโดนีเซียที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศได้รับประโยชน์จากศักยภาพที่มีอยู่มากมายในตลาดเหล่านั้น
  • จีนตั้งเป้านำเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่ผลิตเองออกใช้งานครั้งแรกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเครื่องบินลำตัวแคบรุ่น “ซี919” มีการติดตั้งระบบต่าง ๆ บนเครื่องบินเกือบจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เครื่องบินดังกล่าวผลิตโดยบริษัทคอมเมอร์เชียล แอร์คราฟท์ คอร์ป ออฟ ไชน่า หรือ “โคแม็ค” (COMAC) ของรัฐบาล ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะแข่งขันกับเจ้าตลาดเดิมทั้งแอร์บัส และโบอิ้ง  

Banking Business
  • ไอทีเอ็มเอ็กซ์เตรียมออกบัตรเดบิต “พร้อมการ์ด" โดยทุกธนาคารสามารถออกบัตรนี้ได้ ซึ่งเป็นตามนโยบายของธปท. ที่ต้องการให้แต่ละแบงก์มีบัตรเดบิตที่ออกภายใต้แบรนด์ในประเทศ นายอารักษ์ สุธีวงศ์ รอง ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะคณะกรรมการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด ที่ทำการพัฒนาและดำเนินการระบบ ITMX (Interbank Transaction Management and Exchange) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ด ITMX ได้หารือเพื่อเตรียมความพร้อมการออกบัตรเดบิตที่ออกใช้ภายใต้แบนด์ในประเทศ (Local Debit Card Scheme) โดยใช้ชื่อว่าบัตรเดบิต "พร้อมการ์ด" ซึ่ง ITMX จะเป็น ผู้ออกบัตรดังกล่าว โดยคาดว่า จะเริ่มออกบัตรเดบิต พร้อมการ์ดได้ทันทีในเดือนเม.ย.นี้ เมื่อมีการติดตั้ง เครื่องรับรูดบัตร หรือ EDC (Electronic Data Capture) ครบทั่วประเทศ ดังนั้น เมื่อแบงก์ที่มีความพร้อมวางเครื่อง EDC เชื่อมต่อระบบพร้อมเพย์แล้ว น่าจะได้เห็นแต่ละแบงก์เสนอ โปรแกรมดีๆ สำหรับบัตรเดบิตพร้อมการ์ดด้วย นอกจากนี้บัตรเดบิตพร้อมการ์ด ยังสามารถนำไปใช้ในต่างประเทศ ทั้งวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด เพียงแค่ลูกค้าแจ้งความต้องการกับแบงก์เท่านั้น ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์นั้น มีความพร้อมที่จะออกบัตรเดบิตดังกล่าวได้ทันที
  • ธปท. ได้ออกประกาศเพิ่มเติมเรื่องการใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกด้านงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Outsourcing) ในการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงิน ถึงธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ และบริษัทเงินทุน เนื่องจากต้องการสร้างความปลอดภัย ในการบริการทางการเงินที่ใช้เทคโนโลยีสูง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริการทางการเงินเพิ่มมากขึ้นในระบบการจัดเก็บและใช้ข้อมูลความลับของลูกค้าสถาบันการเงิน
  • ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า สินเชื่อรับซื้อบัญชีลูกหนี้การค้า (แฟคตอริ่ง) ของธนาคารมีโอกาสเพิ่มขึ้นแตะ15,000 ล้านบาทในปี 2560 หลังจากที่ธนาคารมีการลงพื้นที่เต็มตัวมากขึ้นโดยร่วมกับทางไปรษณีย์ในการเป็นช่องทางรับเอกสารเพื่อขอสินเชื่อดังกล่าวได้สะดวก และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อแฟคตอริ่งช่วงปีที่ผ่านมา เติบโตสูงถึง 30% คิดเป็นเม็ดเงินสินเชื่อประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยอยู่ในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรม กลุ่มอาหาร กลุ่มเวชภัณฑ์ยา กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มปิโตรเคมี ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดสินเชื่อแฟคตอริ่งของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 12% และธนาคารตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในปี 2561

Retail Business
  • รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อ ผู้ประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการได้เปิดให้บริการแล้ว 23 ราย มีสาขารวมกันมากกว่า 1,700 สาขา มียอดปล่อยกู้รวมกันกว่า 2,300 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนมีผู้ที่ได้รับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์แล้ว 1 แสนราย มียอดหนี้ NPLs ราว 20 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1% ของยอดสินเชื่อรวม ทั้งนี้ยังมีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต แล้วรอการเปิดตัวอีก 4 ราย โดยมีรายที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มของซีพี ผ่านบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่เตรียมเปิดตัว แอสเซนด์ นาโน อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพเข้ามาเปิดให้บริการในตลาด จะทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ทั้งระบบปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันที่มียอดปล่อยกู้ 2-3 หมื่นบาทต่อราย และมียอดปล่อยกู้ทั้งระบบรวมกันราว 200 ล้านบาทต่อเดือน

สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
  • บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) อนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ถูกกระทบจากภาวะอุทกภัยในภาคใต้ 15 จังหวัด โดยพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2560 จำนวนรวมกว่า 8,000 ราย วงเงินค้ำประกันกว่า 17,000 ล้านบาท  

Securities Business
  • สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือน เม.ย. 2560 อยู่ในระดับร้อนแรง (Bullish) ครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 17.09% เมื่อเทียบเดือนก่อน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับร้อนแรง ผลจากนักลงทุนคาดว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 4/2559 จะเติบโตสดใส โดยหมวดที่น่าสนใจลงทุนที่สุดคือ บริการรับเหมาก่อสร้าง ส่วนหมวดธนาคารเป็นหมวดธุรกิที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด เพราะNPLs อยู่ในระดับสูง นักลงทุนกังวลมาก โดยเฉพาะธนาคารขนาดกลางและเล็ก

Asset Management Business
  • บลจ.กรุงไทย ตั้งเป้าในปีนี้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) 8.75 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 7.5 แสนล้านบาท เป็นอันดับ 3 ในอุตสาหกรรม และมากกว่าเป้าหมาย 5% และมากกว่าอุตสาหกรรมรวมที่โต 16.4% โดยปีนี้บริษัทมีแผนออกกองทุนเพิ่ม 10 กองทุน เน้นจับจังหวะการออกกองทุน โดยไตรมาส 1 จะออกกองทุน CLMV และกองทุน China ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ยังเน้นลงทุนตราสารที่ได้รับการจัดอันดับมากกว่า BBB ขึ้นไป ซึ่งปีนี้ตราสารระยะสั้นยังเหมาะสำหรับการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดยังมีความผันผวน

อื่นๆ
  • คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติปรับเพิ่มราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในเดือนก.พ.อีก 0.67 บาท/กิโลกรัม (กก.) มาที่ 20.96 บาท/กก. หรือปรับขึ้น 10 บาท ต่อถังก๊าซหุงต้มขนาด 15 กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 2560 ตามต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ต่อประเด็นนี้ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งศึกษาต้นทุนราคาอาหารจานด่วน หลังจาก กบง. อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม โดยเบื้องต้นประเมินว่า มีผลกระทบต่อต้นทุนราคาอาหารจานด่วนเพียงจานละ 10 สต.เท่านั้น เพราะก๊าซ 1 ถัง ทำอาหารได้ 200-300 จาน จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ประกอบการร้านค้าจะฉวยโอกาสปรับราคาขายปลีกขึ้นแต่อย่างใด
  • รมว. คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาการจัดเก็บภาษีสรรพาสามิตน้ำหวาน เพื่อทำให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีดังกล่าว จะต้องมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ตั้งแต่ผู้ปลูกอ้อย โรงงานผลิตน้ำตาล รวมถึงผู้ประกอบการผลิตเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลทั้งหมด โดยล่าสุดได้หารือกับสมาคมผู้ผลิตน้ำตาล ซึ่งเห็นด้วยกับการเก็บภาษีน้ำตาล แต่ขอเวลาปรับตัว 5 ปี แต่กระทรวงการคลังมองว่า นานเกินไป จึงได้สรุปขอเวลาปรับตัว 2 ปี โดยกระทรวงการคลังจะสรุปและเสนอรายละเอียดให้ ครม. เห็นชอบต่อไป
  • กรมการพัฒนาชุมชน เร่งปั้นผู้ประกอบการมืออาชีพ วางเป้าดันยอดขายสินค้าโอทอป 2 แสนล้านบาท ในปี 2562 โดยการเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการสร้างเทรดเดอร์ เพื่อแก้ไขปัญหาการรวบรวมสินค้าตามความต้องการตลาด ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีห้างสรรพสินค้าต้องการกระเช้าปีใหม่จากวัตถุธรรมชาติ 8 แสนกระเช้า แต่ทำไม่สำเร็จลุล่วง เพราะต้องไปรวบรวมจากหลายแหล่งผลิต คาดว่าหากสามารถพัฒนาขีดความสามารถการผลิต การตลาด และการรวบรวมสินค้าได้ จะช่วยเพิ่มเป้าหมายรายได้ให้ประชาชนระดับฐานราก จากเดิมตั้งไว้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 12% เป็นปีละ 18-22% ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายยอดจำหน่ายปีละ 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2562

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน 6 Feb 2017

สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน
ภาพรวม
• กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งที่ผ่านมา มีความเห็นแตกต่างจากร่างที่กระทรวงการคลังเสนอไปให้พิจารณา อย่างไรก็ตาม ในสาระสำคัญกระทรวงการคลังยังยืนยันตามร่างเดิม แต่บางรายละเอียดก็เห็นตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจะถูกนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอีกครั้งให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา โดยไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะเริ่มใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1 ม.ค. 2561 อย่างแน่นอน
• ธปท. รายงานว่า ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมาลงทุนในไทย (FDI) มีเพียง 282 ดอลลาร์ฯ หรือ 9,909 ล้านบาท ขณะที่ยอด FDI ทั้งปี 2559 มีมูลค่ารวม 3,286 ล้านดอลลาร์ฯ หรือ 1.15 แสนล้านบาท ลดลงมากกว่าครึ่ง หรือ 63% เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยสาเหตุหลัก ๆ มาจากการนำเงินออกไปฝากในต่างประเทศของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะไปฝากในฮ่องกง มาเก๊า และจีน และการออกไปลงทุนในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทย
• ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจการเงินรายภาคในสิ้นปี 2559 พบว่า ภาวะการเงินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมียอดคงค้างสินเชื่อ 8.23 แสนล้านบาท มีอัตราการขยายตัวเพียง 1% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวถึง 7.3% จากสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อครัวเรือน เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังคงระมัดระวังการให้กู้ เพราะกังวลปัญหาหนี้เสีย รวมทั้งหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง สำหรับภาวะการเงินในภาคเหนือ มีเงินให้สินเชื่อคงค้างที่ 5.85 แสนล้านบาท หดตัว 0.7% ดีขึ้นจากปี 2558 ที่ขยายตัวติดลบ 1.2% ด้านภาวะการเงินภาคใต้ มีสินเชื่อคงค้างที่ 6.89 แสนล้านบาท ขยายตัว 2.2% เทียบกับปีก่อนหน้า
• สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประเมินอุตสาหกรรมที่น่าเป็นห่วงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 คือ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศกัมพูชา ภายหลังมีการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่ประจำปี 2560 จาก 138 ดอลลาร์ฯ ต่อเดือน เป็น 153 ดอลลาร์ฯ ต่อเดือน ซึ่งอาจจะกระทบต่อผู้ประกอบการหลายราย เพราะขณะนี้เริ่มมีสัญญาณว่าอาจมีการปิดกิจการโรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชาแล้ว ทั้งนี้ อาจต้องจับตาผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชาภายหลังการปรับขึ้นค่าแรง โดยเฉพาะสิ่งทอที่หลายรายเป็นผู้ประกอบการเป็นชาวไทยว่า จะได้รับผลกระทบและมีผลต่อซัพพลายเชนของไทยหรือไม่ อย่างไรก็ดี ไทยก็ยังได้โอกาสจากสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) เพื่อส่งออกไปตลาดยุโรปและอเมริกา

เศรษฐกิจโลก
 • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารยกเลิกเนื้อหาหลายส่วนของกฎหมายปฏิรูปการเงินปี 2553 ที่เรียกว่ากฎหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญ คือ การเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงินในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยสินเชื่อ การเปิดเผยข้อมูลของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ การลงทุนของสถาบันการเงิน และการทำธุรกรรมอนุพันธ์โดยเฉพาะอนุพันธ์ที่เป็นการซื้อขายนอกตลาด แต่กฎหมายฉบับนี้กลับถูกวิจารณ์ว่า ทำให้เกิดความล่าช้าเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ
• รัฐบาลเวียดนาม ประกาศโครงการนำร่องอนุญาตให้ชาวเวียดนามอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี วางเดิมพันการแข่งขันฟุตบอลรายการนานาชาติที่ฟีฟ่ายอมรับ รวมทั้งพนันแข่งม้าและแข่งสุนัขได้ หลังจากเมื่อเดือนก่อนรัฐบาลเคยประกาศอนุญาตให้ชาวเวียดนามเล่นการพนันที่กาสิโนในประเทศได้ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดว่า เดิมพันฟุตบอลต้องไม่เกิน 1 ล้านด่อง (1,540 บาท) ต่อนัด และจะต้องเล่นกับเจ้ามือที่รัฐอนุญาตเท่านั้น โดยคาดหวังว่าการพนันถูกกฎหมายอาจทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีได้มากขึ้น
• ตลาดหุ้นจีน เตรียมปลดล็อคหุ้นล็อตใหญ่มูลค่า 5.2 หมื่นล้านหยวน หรือ 7.57 พันล้านดอลลาร์ฯ ให้สามารถซื้อขายได้ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่ข้อมูลจากไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัล ระบุว่า มูลค่าหุ้นนั้นต่ำกว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 6.23 หมื่นล้านหยวน ตามกฎเกณฑ์ตลาดจีน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหุ้นที่ไม่สามารถซื้อขายได้จะต้องล็อคหุ้นของตนเองไว้ 1-2 ปี ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้ซื้อขายในตลาดได้

Banking Business
• ธปท. ออกหนังสือเวียนเรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสำหรับบริษัทเงินทุน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2560 โดยกำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลด้านเงินกองทุนโดยยึดตามหลักเกณฑ์ของธนาคารพาณิชย์ที่อ้างอิงบาเซิล3 รวมถึงการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ด้านตลาด และด้านปฏิบัติการ คือ มีเงินกองทุนขั้นที่1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของไม่ต่ำกว่า 4.5% อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ไม่ต่ำกว่า 6% และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 8.5% รวมทั้งดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับผลขาดทุนใน ภาวะวิกฤติและเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบ รวมทั้งต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (Liquidity Coverage Ratio หรือ LCR) ณ สิ้นวัน ไม่ต่ำกว่าประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิใน 30 วัน ภายใต้สถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรงตามที่ธปท.กำหนด
• นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า หลังเริ่มระบบพร้อมเพย์อย่างเป็นทางการ พบการเคลื่อนย้ายเงินของลูกค้าระหว่างบัญชีพร้อมเพย์ของตัวเองวงเงินประมาณ 5-10 บาท คาดว่า เป็นช่วงเริ่มต้นที่ลูกค้าน่าจะทดลองโอน และหากติดใจคงจะเห็นลูกค้าทยอยใช้มากขึ้น และปริมาณธุรกรรมผ่านระบบพร้อมเพย์ก็จะมีวงเงินเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ในระยะต่อไป ทั้งนี้ แม้ปริมาณธุรกรรมจะมีมากขึ้นในอนาคต ก็จะไม่กระทบกับระบบโมบายแบงกิ้ง เพราะธนาคารมีโครงสร้างของระบบแยกกัน นอกจากนี้ ธนาคารพยายามปรับปรุงพัฒนาระบบไอทีในจุดที่สำคัญ เช่น การบันทึกข้อมูลและฐานข้อมูล เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมระบบโมบายแบงก์ เพื่อไม่ให้กระทบระบบอื่นๆ ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมระบบพร้อมเพย์ที่ได้พัฒนาเพิ่มเติม ซึ่งจะเปิดบริการในเดือนมี.ค.นี้ โดยธนาคารได้จัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีออมทรัพย์จัดให้และบัตรเดบิต ที่สมัครใช้พร้อมเพย์ กับธนาคาร สามารถโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ฟรีไม่เสีย ค่าธรรมเนียมตลอดชีพ และจ่ายบิล 5 บัญชีต่อเดือน ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีลูกค้าที่มาลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์แล้ว 9.5 แสนบัญชี ธนาคารตั้งเป้าหมายว่า ภายในสิ้นปี 2560 จะมีลูกค้ามาลงทะเบียนพร้อมเพย์ทั้งสิ้น 2 ล้านราย จากฐานบัญชีเงินฝาก 4.5 ล้านราย

 Retail Business
 • ธนาคารกรุงไทย ตั้งเป้ารุกสินเชื่อรายย่อยมากขึ้นในปีนี้ ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อบุคคล จากปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยรวม 8.1 แสนล้านบาท หลักๆ เป็นพอร์ตสินเชื่อบ้าน 3.8 แสนล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อบุคคล 3 แสนล้านบาท ซึ่งพอร์ตสินเชื่อบุคคลถือว่าใหญ่สุดในระบบ แต่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่ำไม่ถึง1% โดยเฉพาะหลังจากทำโลนแฟคตอริ่ง หรือทำระบบคัดกรองความเสี่ยงลูกค้าและการอนุมัติสินเชื่อทำได้รวดเร็วขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อมีความเสี่ยงต่ำมาก โดยระบบดังกล่าวเริ่มทำเมื่อเดือนก.ย. 2558 อย่างไรก็ดี แม้มั่นใจว่า จะคุมหนี้เสียให้อยู่ในระดับต่ำได้ แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาทธนาคารก็จะขออนุมัติ คณะกรรมการเพิ่มสำรองหนี้เสีย จากปัจจุบันสำรอง 1 พันล้าน เป็น 1.2 พันล้าน/เดือน เพื่อให้ใกล้เคียงแบงก์ใหญ่ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
• ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมวงเงิน 4.21 หมื่นล้านบาท จัดทำแพ็กเกจสินเชื่อทำให้คนไทยมีบ้านช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ประกอบด้วย 1.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าสวัสดิการหน่วยงานของรัฐ วงเงิน 6 พันล้านบาท 2.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าสวัสดิการธุรกิจเอกชน วงเงิน 8 พันล้านบาท 3.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไป วงเงิน 5 พันล้านบาท 4.กลุ่มลูกค้าโครงการจัดสรรที่เข้าร่วมโครงการ ประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF กับธนาคาร วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท 5. โครงการสินเชื่อบ้าน ธอส. เพิ่มสุข ปี 2560 วงเงิน 2,000 ล้านบาท และ 6.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าโครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน วงเงิน 200 ล้านบาท โดยสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2560

Securities Business 
• ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (ตลท.) ตั้งเป้าในปี 2560 จะมีบริษัทไม่น้อยกว่า 20 บริษัท เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) และมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีจำนวน 40-50 บริษัท อยู่ในขั้นตอนเตรียมยื่นไฟลิ่ง ซึ่งกระจายอยู่แทบทุกอุตสาหกรรม โดยหลักๆ จะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร และธุรกิจที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจเหล็ก สำหรับภาพรวมเป้าหมายในปีนี้ ตลท. วางเป้าหมายจะมีจำนวนบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ไอพีโอ) ทั้งตลาด SET และ mai รวมมูลค่าหลักทรัพย์ 280,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดไอพีโอ 190,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 250,000 ล้านบาท

 Asset Management Business
• บลจ.กสิกรไทย เตรียมเสนอขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ ระหว่างวันที่ 7 – 10 ก.พ. 2560 ประกอบด้วยกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน AV (KFF3MAV) และ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน CS (KFF6MCS) มีนโยบายลงทุนในเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ อายุโครงการ 3 เดือน และ 6 เดือน คาดการณ์ผลตอบแทน 1.45% ต่อปี และ 1.55% ต่อปี ตามลำดับ Auto Business
• โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2559 มียอดขายอยู่ที่ 768,788 คัน มีอัตราการเติบโตลดลง 3.9% โดยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขายลดลง2.3% ตลาดรถยนต์นั่งมียอดขายลดลง 6.5% โดยโตโยต้ามียอดขาย 245,087 คัน ลดลง 7.9% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 87,271 คัน ลดลง 17.2% รถเพื่อการพาณิชย์ 157,816 คัน ลดลง 1.7% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 148,494 คัน ลดลง 1.7.% สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ปี 2560 คาดว่าแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2560 มีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นจากการครบกำหนด 5 ปี โครงการรถยนต์คันแรก รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่จากหลายค่ายรถยนต์ ดังนั้นคาดว่าจะมียอดขายรวมอยู่ในระดับ 800,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 4.1%

Start Up/Fintech
• กสท. โทรคมนาคม ร่วมกับบริษัท เอสเค เทเลคอม ประเทศเกาหลีใต้ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อรองรับการให้บริการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธุรกิจ e-Commerce ธุรกิจดิจิทัล คอนเทนต์ และ ธุรกิจ e-Payment ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 200 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กสท. โทรคมนาคม ยังลงนามบันทึกข้อตกลงกับ เอสเค เทเลคอม เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างโทรคมนาคมและไอโอที ในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการภูเก็ต สมาร์ท ซิตี้ ซึ่งจะพลิกโฉมจังหวัดภูเก็ต ให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบแห่งแรกในประเทศไทย อื่นๆ
 • โรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ. การยาสูบแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว โดยสาระสำคัญจะกำหนดให้โรงงานยาสูบที่ปัจจุบันเป็นรัฐวิสาหกิจ มีสถานะเป็นนิติบุคคล ในชื่อการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ซึ่งจะทำให้โรงงานยาสูบมีความคล่องตัวนการทำธุรกิจมากขึ้น เช่น รับจ้างผลิตและบรรจุภัณฑ์จากต่างประเทศได้
 • บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนส์ แลง ลาซาลล์ (เจแอลแอล) ระบุตลาดที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559 ) "หดตัวต่อเนื่อง" จากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯส่วนใหญ่ ไม่สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายต่างประเมินว่าจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ปี 2560 จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 3 ปี จากภาวะเศรษฐกิจน่าจะดีกว่าปี 2559 โดยคาดมูลค่าที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่อยู่ที่ 3.79 แสนล้านบาท ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ คาดอยู่ที่ 3.55 แสนล้านบาท ขยายตัว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ยินดีต้อนรับสู่ Start up Move

ยินดีต้อนรับสู่ Start up Move ความเคลื่อนไหวของวงการ Start up สำหรับผู้สนใจติดตาม ข่าวสารวงการ Tech Startup ของประเทศไทย



Hot News ข่าวเด่นประจำวัน ความเคลื่อนไหวสำคัญของวงการ Starup

Thai Startup Move ความเคลื่อนไหวของ ธุรกิจ Startup ที่น่าสนใจใรประเทศไทย ไทย เช่น Omise ,OOKBEE , Wongnai , Builk , Flowaccount , QueQ , PigiPo ,iTax และอีกมากมาย ใครได้เงินทุนก้อนไหม่ ใครขยายบริการ ใครจับมือกับใคร ติดตามได้ที่นี่

World Startup ความเคลื่อนไหวของ startup ใน region และ ระดับโลก ที่ส่งผลต่ออนาคต Starup ไทย

Banker Move ความเคลื่อนไหวของธนาคารไทยในโลกติจิตอลแบงค์กิ้ง

Regulator ความเคลื่อนไหวของ regulator ผู้คุมกฎ หลักกฎหมาย ระเบียบใหม่ๆที่วงการต้องรู้

Giant Tech ความเคลื่อนไหวของ big names  Visa , Amazon ,IBM, Google, Microsoft, Alibaba

Event  ความเคลื่อนไหวและกิจกรรมการตลาด ที่สร้างในระบบนิเวศ ecosystem ของวงการ