วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน 6 Feb 2017

สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน
ภาพรวม
• กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งที่ผ่านมา มีความเห็นแตกต่างจากร่างที่กระทรวงการคลังเสนอไปให้พิจารณา อย่างไรก็ตาม ในสาระสำคัญกระทรวงการคลังยังยืนยันตามร่างเดิม แต่บางรายละเอียดก็เห็นตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจะถูกนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอีกครั้งให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา โดยไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะเริ่มใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1 ม.ค. 2561 อย่างแน่นอน
• ธปท. รายงานว่า ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมาลงทุนในไทย (FDI) มีเพียง 282 ดอลลาร์ฯ หรือ 9,909 ล้านบาท ขณะที่ยอด FDI ทั้งปี 2559 มีมูลค่ารวม 3,286 ล้านดอลลาร์ฯ หรือ 1.15 แสนล้านบาท ลดลงมากกว่าครึ่ง หรือ 63% เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยสาเหตุหลัก ๆ มาจากการนำเงินออกไปฝากในต่างประเทศของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะไปฝากในฮ่องกง มาเก๊า และจีน และการออกไปลงทุนในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทย
• ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจการเงินรายภาคในสิ้นปี 2559 พบว่า ภาวะการเงินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมียอดคงค้างสินเชื่อ 8.23 แสนล้านบาท มีอัตราการขยายตัวเพียง 1% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวถึง 7.3% จากสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อครัวเรือน เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังคงระมัดระวังการให้กู้ เพราะกังวลปัญหาหนี้เสีย รวมทั้งหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง สำหรับภาวะการเงินในภาคเหนือ มีเงินให้สินเชื่อคงค้างที่ 5.85 แสนล้านบาท หดตัว 0.7% ดีขึ้นจากปี 2558 ที่ขยายตัวติดลบ 1.2% ด้านภาวะการเงินภาคใต้ มีสินเชื่อคงค้างที่ 6.89 แสนล้านบาท ขยายตัว 2.2% เทียบกับปีก่อนหน้า
• สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประเมินอุตสาหกรรมที่น่าเป็นห่วงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 คือ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศกัมพูชา ภายหลังมีการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่ประจำปี 2560 จาก 138 ดอลลาร์ฯ ต่อเดือน เป็น 153 ดอลลาร์ฯ ต่อเดือน ซึ่งอาจจะกระทบต่อผู้ประกอบการหลายราย เพราะขณะนี้เริ่มมีสัญญาณว่าอาจมีการปิดกิจการโรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชาแล้ว ทั้งนี้ อาจต้องจับตาผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชาภายหลังการปรับขึ้นค่าแรง โดยเฉพาะสิ่งทอที่หลายรายเป็นผู้ประกอบการเป็นชาวไทยว่า จะได้รับผลกระทบและมีผลต่อซัพพลายเชนของไทยหรือไม่ อย่างไรก็ดี ไทยก็ยังได้โอกาสจากสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) เพื่อส่งออกไปตลาดยุโรปและอเมริกา

เศรษฐกิจโลก
 • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารยกเลิกเนื้อหาหลายส่วนของกฎหมายปฏิรูปการเงินปี 2553 ที่เรียกว่ากฎหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญ คือ การเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงินในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยสินเชื่อ การเปิดเผยข้อมูลของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ การลงทุนของสถาบันการเงิน และการทำธุรกรรมอนุพันธ์โดยเฉพาะอนุพันธ์ที่เป็นการซื้อขายนอกตลาด แต่กฎหมายฉบับนี้กลับถูกวิจารณ์ว่า ทำให้เกิดความล่าช้าเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ
• รัฐบาลเวียดนาม ประกาศโครงการนำร่องอนุญาตให้ชาวเวียดนามอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี วางเดิมพันการแข่งขันฟุตบอลรายการนานาชาติที่ฟีฟ่ายอมรับ รวมทั้งพนันแข่งม้าและแข่งสุนัขได้ หลังจากเมื่อเดือนก่อนรัฐบาลเคยประกาศอนุญาตให้ชาวเวียดนามเล่นการพนันที่กาสิโนในประเทศได้ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดว่า เดิมพันฟุตบอลต้องไม่เกิน 1 ล้านด่อง (1,540 บาท) ต่อนัด และจะต้องเล่นกับเจ้ามือที่รัฐอนุญาตเท่านั้น โดยคาดหวังว่าการพนันถูกกฎหมายอาจทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีได้มากขึ้น
• ตลาดหุ้นจีน เตรียมปลดล็อคหุ้นล็อตใหญ่มูลค่า 5.2 หมื่นล้านหยวน หรือ 7.57 พันล้านดอลลาร์ฯ ให้สามารถซื้อขายได้ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่ข้อมูลจากไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัล ระบุว่า มูลค่าหุ้นนั้นต่ำกว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 6.23 หมื่นล้านหยวน ตามกฎเกณฑ์ตลาดจีน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหุ้นที่ไม่สามารถซื้อขายได้จะต้องล็อคหุ้นของตนเองไว้ 1-2 ปี ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้ซื้อขายในตลาดได้

Banking Business
• ธปท. ออกหนังสือเวียนเรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสำหรับบริษัทเงินทุน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2560 โดยกำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลด้านเงินกองทุนโดยยึดตามหลักเกณฑ์ของธนาคารพาณิชย์ที่อ้างอิงบาเซิล3 รวมถึงการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ด้านตลาด และด้านปฏิบัติการ คือ มีเงินกองทุนขั้นที่1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของไม่ต่ำกว่า 4.5% อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ไม่ต่ำกว่า 6% และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 8.5% รวมทั้งดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับผลขาดทุนใน ภาวะวิกฤติและเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบ รวมทั้งต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (Liquidity Coverage Ratio หรือ LCR) ณ สิ้นวัน ไม่ต่ำกว่าประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิใน 30 วัน ภายใต้สถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรงตามที่ธปท.กำหนด
• นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า หลังเริ่มระบบพร้อมเพย์อย่างเป็นทางการ พบการเคลื่อนย้ายเงินของลูกค้าระหว่างบัญชีพร้อมเพย์ของตัวเองวงเงินประมาณ 5-10 บาท คาดว่า เป็นช่วงเริ่มต้นที่ลูกค้าน่าจะทดลองโอน และหากติดใจคงจะเห็นลูกค้าทยอยใช้มากขึ้น และปริมาณธุรกรรมผ่านระบบพร้อมเพย์ก็จะมีวงเงินเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ในระยะต่อไป ทั้งนี้ แม้ปริมาณธุรกรรมจะมีมากขึ้นในอนาคต ก็จะไม่กระทบกับระบบโมบายแบงกิ้ง เพราะธนาคารมีโครงสร้างของระบบแยกกัน นอกจากนี้ ธนาคารพยายามปรับปรุงพัฒนาระบบไอทีในจุดที่สำคัญ เช่น การบันทึกข้อมูลและฐานข้อมูล เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมระบบโมบายแบงก์ เพื่อไม่ให้กระทบระบบอื่นๆ ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมระบบพร้อมเพย์ที่ได้พัฒนาเพิ่มเติม ซึ่งจะเปิดบริการในเดือนมี.ค.นี้ โดยธนาคารได้จัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีออมทรัพย์จัดให้และบัตรเดบิต ที่สมัครใช้พร้อมเพย์ กับธนาคาร สามารถโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ฟรีไม่เสีย ค่าธรรมเนียมตลอดชีพ และจ่ายบิล 5 บัญชีต่อเดือน ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีลูกค้าที่มาลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์แล้ว 9.5 แสนบัญชี ธนาคารตั้งเป้าหมายว่า ภายในสิ้นปี 2560 จะมีลูกค้ามาลงทะเบียนพร้อมเพย์ทั้งสิ้น 2 ล้านราย จากฐานบัญชีเงินฝาก 4.5 ล้านราย

 Retail Business
 • ธนาคารกรุงไทย ตั้งเป้ารุกสินเชื่อรายย่อยมากขึ้นในปีนี้ ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อบุคคล จากปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยรวม 8.1 แสนล้านบาท หลักๆ เป็นพอร์ตสินเชื่อบ้าน 3.8 แสนล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อบุคคล 3 แสนล้านบาท ซึ่งพอร์ตสินเชื่อบุคคลถือว่าใหญ่สุดในระบบ แต่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่ำไม่ถึง1% โดยเฉพาะหลังจากทำโลนแฟคตอริ่ง หรือทำระบบคัดกรองความเสี่ยงลูกค้าและการอนุมัติสินเชื่อทำได้รวดเร็วขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อมีความเสี่ยงต่ำมาก โดยระบบดังกล่าวเริ่มทำเมื่อเดือนก.ย. 2558 อย่างไรก็ดี แม้มั่นใจว่า จะคุมหนี้เสียให้อยู่ในระดับต่ำได้ แต่เพื่อเป็นการไม่ประมาทธนาคารก็จะขออนุมัติ คณะกรรมการเพิ่มสำรองหนี้เสีย จากปัจจุบันสำรอง 1 พันล้าน เป็น 1.2 พันล้าน/เดือน เพื่อให้ใกล้เคียงแบงก์ใหญ่ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
• ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมวงเงิน 4.21 หมื่นล้านบาท จัดทำแพ็กเกจสินเชื่อทำให้คนไทยมีบ้านช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ประกอบด้วย 1.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าสวัสดิการหน่วยงานของรัฐ วงเงิน 6 พันล้านบาท 2.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าสวัสดิการธุรกิจเอกชน วงเงิน 8 พันล้านบาท 3.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไป วงเงิน 5 พันล้านบาท 4.กลุ่มลูกค้าโครงการจัดสรรที่เข้าร่วมโครงการ ประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF กับธนาคาร วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท 5. โครงการสินเชื่อบ้าน ธอส. เพิ่มสุข ปี 2560 วงเงิน 2,000 ล้านบาท และ 6.สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าโครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน วงเงิน 200 ล้านบาท โดยสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2560

Securities Business 
• ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (ตลท.) ตั้งเป้าในปี 2560 จะมีบริษัทไม่น้อยกว่า 20 บริษัท เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) และมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีจำนวน 40-50 บริษัท อยู่ในขั้นตอนเตรียมยื่นไฟลิ่ง ซึ่งกระจายอยู่แทบทุกอุตสาหกรรม โดยหลักๆ จะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร และธุรกิจที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจเหล็ก สำหรับภาพรวมเป้าหมายในปีนี้ ตลท. วางเป้าหมายจะมีจำนวนบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ไอพีโอ) ทั้งตลาด SET และ mai รวมมูลค่าหลักทรัพย์ 280,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดไอพีโอ 190,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 250,000 ล้านบาท

 Asset Management Business
• บลจ.กสิกรไทย เตรียมเสนอขาย 2 กองทุนตราสารหนี้ ระหว่างวันที่ 7 – 10 ก.พ. 2560 ประกอบด้วยกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน AV (KFF3MAV) และ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน CS (KFF6MCS) มีนโยบายลงทุนในเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ อายุโครงการ 3 เดือน และ 6 เดือน คาดการณ์ผลตอบแทน 1.45% ต่อปี และ 1.55% ต่อปี ตามลำดับ Auto Business
• โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2559 มียอดขายอยู่ที่ 768,788 คัน มีอัตราการเติบโตลดลง 3.9% โดยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มียอดขายลดลง2.3% ตลาดรถยนต์นั่งมียอดขายลดลง 6.5% โดยโตโยต้ามียอดขาย 245,087 คัน ลดลง 7.9% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 87,271 คัน ลดลง 17.2% รถเพื่อการพาณิชย์ 157,816 คัน ลดลง 1.7% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 148,494 คัน ลดลง 1.7.% สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ปี 2560 คาดว่าแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2560 มีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นจากการครบกำหนด 5 ปี โครงการรถยนต์คันแรก รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่จากหลายค่ายรถยนต์ ดังนั้นคาดว่าจะมียอดขายรวมอยู่ในระดับ 800,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 4.1%

Start Up/Fintech
• กสท. โทรคมนาคม ร่วมกับบริษัท เอสเค เทเลคอม ประเทศเกาหลีใต้ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อรองรับการให้บริการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธุรกิจ e-Commerce ธุรกิจดิจิทัล คอนเทนต์ และ ธุรกิจ e-Payment ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 200 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กสท. โทรคมนาคม ยังลงนามบันทึกข้อตกลงกับ เอสเค เทเลคอม เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างโทรคมนาคมและไอโอที ในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการภูเก็ต สมาร์ท ซิตี้ ซึ่งจะพลิกโฉมจังหวัดภูเก็ต ให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบแห่งแรกในประเทศไทย อื่นๆ
 • โรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ. การยาสูบแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว โดยสาระสำคัญจะกำหนดให้โรงงานยาสูบที่ปัจจุบันเป็นรัฐวิสาหกิจ มีสถานะเป็นนิติบุคคล ในชื่อการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ซึ่งจะทำให้โรงงานยาสูบมีความคล่องตัวนการทำธุรกิจมากขึ้น เช่น รับจ้างผลิตและบรรจุภัณฑ์จากต่างประเทศได้
 • บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนส์ แลง ลาซาลล์ (เจแอลแอล) ระบุตลาดที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559 ) "หดตัวต่อเนื่อง" จากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯส่วนใหญ่ ไม่สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายต่างประเมินว่าจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ปี 2560 จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 3 ปี จากภาวะเศรษฐกิจน่าจะดีกว่าปี 2559 โดยคาดมูลค่าที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่อยู่ที่ 3.79 แสนล้านบาท ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ คาดอยู่ที่ 3.55 แสนล้านบาท ขยายตัว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น