วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Banking News Daily Update สรุปความเคลื่อนไหวแวดวงการเงินประจำวัน 8 Feb 2017

ภาพรวม
  • ที่ประชุม ครม. รับทราบการเบิกจ่ายในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 2559-ม.ค. 2560) รวม 1.105 ล้านล้านบาท คิดเป็น 40.46% ของงบประมาณรวม สูงกว่าเป้าหมาย 3.69% แยกเป็นการเบิกจ่ายงบประจำ 9.95 แสนล้านบาท หรือ 45.56% สูงกว่าเป้าหมาย 6.03% และรายจ่ายเพื่อการลงทุนไม่รวมงบกลางรวม 1.10 แสนล้านบาท หรือ 23.88% ของงบลงทุนรวม แม้จะยังต่ำกว่าเป้าหมาย แต่เป็นอัตราสูงสุดในรอบปี รวมทั้งมีการก่อหนี้ผูกพันไปแล้ว 2.57 แสนล้านบาท หรือ 55.33% ของงบลงทุนทั้งหมด ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินคงคลังที่ลดลงเหลือ 7.4 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการลดลงตามวัฏจักรการบริหารเงินคงคลัง ที่ช่วงนี้จะต้องลดลงเนื่องจากรายได้ยังไม่เข้ามา โดยปกติช่วงต้นปีงบประมาณหรือเดือน ต.ค. เงินคงคลังจะสูงที่สุดของปี เพื่อเตรียมไว้ใช้จ่ายระหว่างปี หลังจากนั้นจะขึ้นและลงเป็นวัฏจักร ตามเงินภาษีที่เก็บได้และการเบิกจ่ายของรัฐบาล
  • ครม. เห็นชอบขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (Visa) ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทย และปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA on Arrival: VoA) เป็นการชั่วคราว สำหรับ 21 ประเทศ ออกไปอีก 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค.-31 ส.ค. 2560 จากที่มาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.พ. 2560 ซึ่งประเมินว่าจะขาดรายได้รวมเป็นเงินกว่า 7.5 พันล้านบาท  

เศรษฐกิจโลก
  • ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี มาที่ 2.99 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ในเดือน ม.ค. 2560 หลังเกิดกระแสเงินทุนไหลออก แต่ยังเป็นเงินสำรองเงินตราต่างประเทศสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ ธนาคารกลางของจีน (พีบีโอซี) ใช้จ่ายเงินสำรองเพื่อค้ำอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวน หลังมีการคาดการณ์ว่าจะอ่อนค่าลง ทำให้บริษัทต่างๆ และนักลงทุนรายย่อย เคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ ส่งผลให้จีนเพิ่มความเข้มงวดในโครงการลงทุนของต่างประเทศ พร้อมทั้งสั่งห้ามนักลงทุนเอกชนทำกิจกรรมบางอย่าง  
  • คณะกรรมการสุขภาพและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติจีน คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,420 ล้านคนภายในปี 2563 จาก ณ สิ้นปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 1,370 ล้านคน อัตราการการเพิ่มของประชากรตามธรรมชาติในแต่ละปีจะอยู่ที่ประมาณ 6 ต่อ 1,000 คน ก่อนหน้านี้ จีนบรรลุเป้าหมายวางแผนครอบครัวระยะ 5 ปีระหว่างปี 2554-2558 โดยสามารถคงอัตราการเติบโตของประชากรได้อยู่ที่ 5 ต่อ 1,000 คน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. ลดลง 3.2% สู่ระดับ 4.43 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่คาด เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 1.907 แสนล้านดอลลาร์ฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 2.350 แสนล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2558 ด้านบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯ มากกว่า 65% รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้  
  • ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะไม่ยกเลิกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าจะต่อสู้ทางกระบวนการทางกฎหมายจนถึงที่สุด เพื่อรักษาความปลอดภัยในประเทศ โดยรัฐบาลจะต่อสู้ต่อไป ถ้าหากศาลอุทธรณ์ตัดสินให้รัฐบาลแพ้คดีนี้  
  • กระทรวงงบประมาณฝรั่งเศส เผยตัวเลขขาดดุลงบประมาณปี 2559 ลดลงสู่ระดับ 6.9 หมื่นล้านยูโร (7.36 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ) ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของรัฐบาลที่ระดับ 7.23 หมื่นล้านยูโร เป็นผลจากการจำกัดรายจ่ายของรัฐบาล โดยงบรายจ่ายอยู่ที่ระดับ 3.762 แสนล้านยูโร ลดลง 0.5% จากปี 2558 ส่วนรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 3.04 แสนล้านยูโร จากการจัดเก็บภาษีที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับในปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าที่จะลดการขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่าระดับ 3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้  
  • อิหร่าน ระบุว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 ถือเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่ทำไวกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ ม.ค. 2559 โดยอิหร่านยินยอมที่จะลดโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการยุติมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ขณะที่สหรัฐฯ จะนำข้อตกลงนี้มาพิจารณาใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่ข้อตกลงทวิภาคี
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในปี 2559 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีที่ระดับ 1.8366 แสนล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 25.8% YoY เนื่องจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบและเงินเยนที่แข็งค่านั้น ได้ฉุดราคานำเข้าปรับตัวลดลง ส่วนในเดือนธ.ค.2559 เพียงเดือนเดียว ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งสิ้น 1.11 ล้านล้านเยน ทำสถิติเกินดุลติดต่อกัน 30 เดือน

Banking Business
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เม้นท์) ถือเป็นถนนก้าวสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่โลกยุค 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับบริการพร้อมเพย์ที่เปิดมาได้ 1 สัปดาห์นั้น โดยภาพรวมของระบบถือว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจจะมีปัญหาบ้างในบางจุด ซึ่งเกิดจากตัวบุคคลไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวระบบ ขณะที่ จำนวนคนใช้บริการพบว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ในวันที่ 1 มี.ค.ที่จะถึงนี้ จะขยายบริการพร้อมเพย์มายังภาคธุรกิจ คือ นิติบุคคลกับประชาชน โดยเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการโอนเงินเพราะความสามารถในการให้บริการพร้อมเพย์ยังมีเหลืออีกมาก
  • ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (ITMX) หวังหน่วยงานรัฐติดตั้งเครื่องอ่านบัตร (EDC) ตามนโยบายภาครัฐ จำนวน 500,000 เครื่อง ได้ทั่วประเทศภายในปีนี้ และภายในเดือน ก.ย. นี้ สำหรับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อผลักดันให้เกิดการชำระเงินผ่านบัตรเดบิต "พร้อมการ์ด" มากขึ้น เนื่องจากภาครัฐสามารถกำหนดทิศทางนโยบายการใช้งานได้ เช่น การเปิดให้ประชาชนชำระค่าบริการ ผ่านบัตรเท่านั้น เมื่อติดต่อกับราชการ โดยทางไอทีเอ็มเอ็กซ์ พร้อมออกบัตรเดบิตพร้อมการ์ดทันที หากภาครัฐติดตั้งเครื่อง EDC แล้วเสร็จตามแผน
  • ธนาคารกสิกรไทย คาดภาพรวมแนวโน้มปริมาณหุ้นกู้เอกชนในตลาดแรกปีนี้ อาจชะลอลงจากช่วงปีที่ผ่านมา ประมาณ 20-25% มาอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ 7.85 แสนล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากการลดลงของการออกตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) และตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Non-Rated) หลังกรณีการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ด้านหุ้นกู้เอกชนในปีนี้ คาดว่า ธนาคารยังคงรักษาสัดส่วนการออกหุ้นกู้ในตลาดที่ 18-19% คิดเป็นมูลค่าราว 1-1.2 แสนล้านบาท
  • ธนาคารพาณิชย์ปรับระบบวัดผลงานพนักงานขายประกัน หวังลดปัญหาข้อร้องเรียนประเด็นการยัดเยียดขายประกันให้ลูกค้า โดยธนาคารไทยพาณิชย์ เปลี่ยนแปลงการประเมินผลงานของพนักงาน (KPI) ใหม่ เป็นวัดจากคะแนนหรือผลงานจากการขายประกันของพนักงานเพียง 50% ขณะที่อีก 50% เป็นการวัดคะแนนจากความพึงพอใจของผู้ซื้อประกัน จากเดิมที่วัดจากยอดขายประกัน เกือบเต็ม 100% ด้านธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ธนาคารได้รับเรื่องร้องเรียนไม่มากนัก กรณีขายประกัน เนื่องจากธนาคารได้ปรับระบบ KPI ให้มี 2 ส่วน คือ 1) KPI ของสาขาในเชิงของเบี้ยประกันรับรวม และ 2) KPI ส่วนความพึงพอใจของลูกค้า ส่วนธนาคารทหารไทย ระบุว่า ได้วางแนวทางการปฏิบัติให้แก่พนักงานโดยต้องพิจารณาข้อมูลลูกค้าก่อนที่จะเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อลดการแนะนำการขายประกัน

Hire Purchase Business
  • บมจ. ฐิติกร เผยปี 2563 จะเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อที่มาจากต่างประเทศและในประเทศอยู่ที่ 50:50 จากปัจจุบันมีลูกหนี้เช่าซื้อจากต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ซึ่งปี 2560 บริษัทมีแผนจะขยายสาขาในกัมพูชาเพิ่มอีก 3 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 3 สาขา และเตรียมขยายสาขาเพิ่มในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในขณะเดียวกัน ยังได้มองโอกาสการลงทุนในอีกหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน คาดว่าพอร์ตสินเชื่อจากต่างประเทศในปีนี้มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 5%
  • ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง มุ่งขยายตลาดในภาคเหนือต่อเนื่องจากปีก่อนที่เดินหน้าขยายตลาดครบทุกภาคของประเทศ โดยจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 - 4 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขากระจายใน 8 จังหวัดของภาคเหนือ โดยปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ใหม่ (มอเตอร์ไซค์) ในภาคเหนือไว้ที่ 230 ล้านบาท หรือเฉลี่ย วงเงิน 50,000-55,000 บาท/คัน และคาดว่าการขยายตลาดในภาคเหนือจะดันให้บริษัทสามารถไต่ขึ้นอันดับ 1 ในธุรกิจสินเชื่อจักรยานยนต์ใหม่ในปีนี้

สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
  • คณะกรรมการ บสย. มีมติให้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยภาคใต้ในปี 2560 ด้วยการพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันเป็นเวลา 6 เดือน และขณะนี้ได้แจ้งมาตรการความช่วยเหลือดังกล่าวกับสถาบันการเงินพันธมิตรรับทราบแล้ว

Securities Business
  • ตลาดหลักทรัพย์ mai เตรียมลงพื้นที่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา สงขลา และอุบลราชธานี ตามโครงการค้นหาธุรกิจในภูมิภาคเพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai พร้อมจับมือกับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดทำแผนเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายใน 3 ปี

Asset Management Business
  • มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ระบุว่าช่วงเดือนม.ค. 2560 มีเงินไหลออกสุทธิในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ประมาณ 8,873.11 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 6 ปี เมื่อเทียบเดือน ม.ค.ของทุกปี นอกจากนี้ เงินไหลออก ยังสูงกว่าไตรมาส 1 ของ 3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2557-2559 ซึ่งอาจเป็นผลจากการตัดสินใจขายเพื่อล็อกผลกำไร หลังตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยอดเงินลงทุนกองทุน LTF ทั้งหมดที่มีสิทธิขายได้ในปี 2560 มีอยู่ประมาณ 2.14 แสนล้านบาท
  • บลจ.เอ็มเอฟซี เสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ยู เอส ทริกเกอร์ ซีรี่ส์ 1 (I-USS1) ตั้งแต่วันนี้ – 17 ก.พ. 2560 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศสหรัฐฯ  ตั้งเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 6% ภายใน 5 เดือน

Fintech
  • “มาสิ” หรือ “masii" เป็น Fintech ที่ให้บริการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและครอบคลุม ได้แก่ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยการเดินทาง แพ็กเกจมือถือ และบัตรโรงแรมต่างๆ โดยรวบรวมข้อเสนอจากสถาบันการเงินชั้นนำ อาทิ ธนชาต ไทยพาณิชย์ บัตรกรุงไทย ซีไอเอ็มบี และ ซิตี้แบงก์ รวมถึง บริษัทประกันภัยรถยนต์แถวหน้าของประเทศ กว่า 30 ราย ไว้ในเว็บเดียวกัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นกลาง
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอของธนาคารในการทำธุรกิจเวนเจอร์แคปิตอล ภายใต้ชื่อ บริษัทกรุงศรีฟินโนเวทฯ โดยมีนโยบายการดำเนินการไว้ใน 2 ด้าน 1.การสนับสนุนนักศึกษาที่มีศักยภาพ "กรุงศรี ยูนิ สตาร์ต อัพ Krungsri Uni Startup" เพื่อนำเสนอผลงานการพัฒนาแอปพลิเคชันทางการเงินและกลยุทธ์ทางการตลาด 2.การประสานความ ร่วมมือระหว่างกรุงศรีและธุรกิจฟินเทค "กรุงศรีไรส์ Krungsri Rise" ให้ความรู้สตาร์ตอัพผ่านแคมป์และนำธุรกิจฟินเทค ต่อยอดกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของธนาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
  • ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับ ธปท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เพื่อตั้งศูนย์ประสานงานกับธุรกิจฟินเทค เนื่องจากที่ผ่านมา ธุรกิจด้านฟินเทคจะมีปัญหาต้องติดต่อกับหลายหน่วยงาน ซึ่งทำให้เสียเวลา และยุ่งยาก จึงมีแผนจัดตั้งตัวกลางช่วยแก้ไขปัญหา และคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ใน 2-3 เดือนนี้

Insurance Business
  • ทิพยประกันชีวิต ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2560 อยู่ที่ระดับ 7,200 ล้านบาท หรือขยายตัว 20% จากปีก่อน แบ่งเป็นผ่านช่องทางตัวแทน 2,000 ล้านบาท และผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์อีกกว่า 5,000 กว่าล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังวางแผนที่จะเปิดการขายประกันผ่านแบงก์แอสชัวรันส์อย่างเต็มรูปแบบ และมีการขายผลิตภัณฑ์ผ่านเฟซบุ๊ค ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงาน ล่าสุด บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันประเภทออมทรัพย์ 6/10 มีเงินคืน เพื่อเสนอขายผ่านช่องทางธนาคารออมสิน ตั้งเป้าหมายเบี้ยรับจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว 1,000 ล้านบาท
  • บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ พัฒนาอี-เช็ค หรือเช็คอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจ่ายเงินผลประโยชน์ เงินปันผล และเงินครบกำหนดสัญญา วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท ให้กับลูกค้าโดยตรง คาดว่าใช้เวลาในการพัฒนา 3-4 เดือน จึงจะสามารถให้บริการได้
  • เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวประกันรูปแบบใหม่ ได้แก่ “เมืองไทย ยูแอล 1 สินเพิ่มทรัพย์ และ สินทวีคูณในโครงการ Beyond Savings" ซึ่งเป็นประกันชีวิตแบบ ชำระเบี้ยครั้งเดียว แต่ให้ความคุ้มครองชีวิตสูง 130% ของเบี้ยประกันชีวิต ตลอด 10 ปี ของสัญญากรมธรรม์  โดยมีจุดเด่นเปิดโอกาสให้ผู้เอาประกันได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ตามความเสี่ยงยอมรับได้จาก 2 ทางเลือก คือ การจัดสรรเงินลงทุน ในหุ้นไม่เกิน 10% สำหรับ "เมืองไทย ยูแอล 1 สินเพิ่มทรัพย์" และสำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้สูงขึ้น จะจัดสรรเงินลงทุนหุ้นไม่เกิน 20% สำหรับ "เมืองไทย ยูแอล 1 สินทวีคูณ"

 อื่นๆ
  • อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก หรือ Local Economy ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีวงเงิน 20,000 ล้านบาท จะเริ่มปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ 1% ต่อปี ให้กับเอสเอ็มอีทั่วประเทศ นำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้ในช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อจังหวัดละ 200-300 ล้านบาท ให้กับเอสเอ็มอีที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วจากทางจังหวัด จำนวนประมาณ 3,000-4,000 ราย ซึ่งจะได้สินเชื่อสูงสุดรายละไม่เกิน 40 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น